การคิดค่ารับออกแบบตกแต่งภายใน คิดราคาอย่างไร และมีปัจจัยใดบ้างที่ผู้ใช้บริการควรทราบ

การคิดค่ารับออกแบบตกแต่งภายใน คิดราคาอย่างไร และมีปัจจัยใดบ้างที่ผู้ใช้บริการควรทราบ

ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบภายในมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม ร้านอาหาร หรือออฟฟิศ การจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการเปลี่ยนพื้นที่ธรรมดาให้กลายเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความงามและการใช้งาน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน คำถามที่พบบ่อยที่สุดก็คือ “ราคารับออกแบบภายในคิดกันอย่างไร?” และ “มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่ควรเตรียมงบไว้?”

Table of Contents

บทความนี้ RISE DESIGN STUDIO จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิธีการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายใน พร้อมทั้งปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

การคิดราคารับออกแบบภายใน รวมค่าบริการส่วนใดบ้าง?

การคิดราคารับออกแบบภายใน รวมค่าบริการส่วนใดบ้าง?

การคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายใน ไม่ได้หมายถึงเพียงการร่างแบบห้องให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมหลายขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การวางแผน การเลือกวัสดุ การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ตลอดจนการควบคุมงานก่อสร้าง โดยทั่วไปแล้ว ราคารับออกแบบภายในจะประกอบด้วยรายการหลัก ๆ ดังนี้

  • ค่าประเมินสำรวจหน้างานจริง

ก่อนจะเริ่มงานออกแบบตกแต่งภายในทุกงาน บริษัทออกแบบตกแต่งภายในจำเป็นต้องเข้าไปสำรวจหน้างาน เพื่อวัดขนาดพื้นที่ ตรวจสภาพแวดล้อม ระบบไฟฟ้า ท่อน้ำ ข้อจำกัดทางกายภาพต่าง ๆ รวมถึงการเก็บข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการออกแบบเชิงเทคนิค ซึ่งตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าเขียนแบบแปลนหลังจากทำการสำรวจ และแบบก่อสร้าง โดยส่วนใหญ่ราคาจะเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับระยะทางการเดินทางและพื้นที่หน้างาน ในบางบริษัทอาจรวมไว้ในแพ็คเกจราคารับออกแบบภายในอยู่แล้ว แต่ในบางบริษัทอาจคิดต่างหาก โดยเฉพาะกรณีที่ไซต์งานอยู่ต่างจังหวัด

  • ค่าบริการออกแบบ

ราคารับออกแบบภายในในส่วนของการจัดทำแบบร่าง ทั้งแปลนพื้น (Layout) คอนเซ็ปต์ Mood & Tone งาน Material Board และแบบ 3D Perspective ที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบ ก่อนนำไปดำเนินการจริง โดยการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในสามารถประเมินได้หลายวิธี มีทั้งแบบประเมินตามพื้นที่หน้างานคิดเป็นราคาต่อตารางเมตร ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 900 ถึง 2,000 บาทต่อตารางเมตร ประเมินราคาจากชั่วโมงการทำงาน หรือจะคิดราคารับออกแบบภายในแบบเหมา ทั้งนี้ลูกค้าควรสอบถามกับบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจใช้บริการ

  • ค่าตรวจแบบ

หลังจากลูกค้าได้รับแบบ อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้ตรงตามความต้องการ ซึ่งค่าบริการในส่วนนี้บริษัทรับออกแบบภายในบางแห่งอาจจะรวมไว้ในราคารับออกแบบภายในแล้ว แต่ในบางบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากเกินจำนวนครั้งที่กำหนด

  • ค่างานก่อสร้างและติดตั้งหน้างาน

การคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในที่ถูกต้องจะต้องรวมค่าบริการงานก่อสร้างและติดตั้ง งานเดินระบบ ค่าก่อสร้าง Built in ค่าบริการควบคุมงานโดยผู้รับเหมา และค่าเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งไว้ด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้บริษัทรับออกแบบภายในจะต้องชี้แจงรายละเอียดและเนื้องานจริงทั้งหมดอย่างละเอียด จัดทำเป็น BOQ ไว้อย่างชัดเจน เพื่อความโปร่งใสและลูกค้าสามารถพิจารณาราคารับออกแบบภายในว่าสมเหตุสมผล รับได้หรือไม่

  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

ราคารับออกแบบภายในจะรวมค่าบริการในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าบริการขนส่งสินค้าและวัสดุ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก (ถ้ามี) ส่วนใหญ่จะเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีที่หน้างานอยู่ต่างจังหวัดหรือมีระยะทางที่ไกล

หลักการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายใน

หลักการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายใน

  • คิดตามพื้นที่ออกแบบ (Built Area)

วิธีการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในโครงการที่มีขนาดพื้นที่ชัดเจน อย่างบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรือร้านค้า โดยบริษัทรับออกแบบภายในจะคำนวณราคารับออกแบบภายในจากพื้นที่ใช้งานจริง คิดจากเส้นผนังโดยรอบ และถอดปริมาณออกมาเป็นตารางเมตร จากนั้นจึงคิดเป็น “บาทต่อตารางเมตร” เช่น หากพื้นที่ภายในห้องชุดมีขนาด 80 ตารางเมตร และบริษัทรับออกแบบคิดค่าออกแบบที่ 1,200 บาทต่อตารางเมตร จะได้ราคารวมอยู่ที่ 96,000 บาท ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ คือการคำนวณที่ง่ายและโปร่งใส ลูกค้าสามารถประเมินงบประมาณเบื้องต้นได้ทันที เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านหรือผู้พัฒนาโครงการที่ต้องการควบคุมงบประมาณอย่างเข้มงวด

  • คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้างทั้งหมด (Percentage of Project)

วิธีการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในที่เหมาะสำหรับใช้ในโครงการขนาดกลางถึงใหญ่ หรือโครงการที่มีการก่อสร้างและตกแต่งแบบครบวงจร ซึ่งบริษัทรับออกแบบภายในจะคิดค่าบริการตามสัดส่วนของงบประมาณทั้งหมดของโครงการ เช่น คิดที่ 5 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่างานก่อสร้างทั้งหมด โดยข้อดีของการคิดแบบเปอร์เซ็นต์ คือความยืดหยุ่นและความเหมาะสมกับลักษณะงาน เพราะยิ่งงานมีความซับซ้อนและต้องการการควบคุมคุณภาพสูง ราคารับออกแบบภายในก็จะปรับตามภาระงานของบริษัทรับออกแบบ ทำให้เจ้าของโครงการได้รับบริการอย่างคุ้มค่า

  • การคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในแบบคำนวณเวลาทำงาน (Time Charge Rate)

ในกรณีที่โครงการมีลักษณะเฉพาะ อย่างงานรีโนเวตบ้านเก่า ออกแบบร้านค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ หรือการออกแบบสำนักงานที่ต้องใช้กระบวนการวิเคราะห์แบรนด์และวัฒนธรรมองค์กร วิธีการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในตามระยะเวลาทำงานเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยบริษัทรับออกแบบจะเสนอราคารับออกแบบภายในรูปแบบ “ค่าชั่วโมง” หรือ “ค่ารายวัน” เช่น 2,000 บาทต่อชั่วโมง หรือ 15,000 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับระดับประสบการณ์ของบริษัทออกแบบและลักษณะของงาน ซึ่งข้อดีของวิธีนี้ คือความยุติธรรม เพราะคุณจ่ายตามปริมาณงานและเวลาในการทำงานจริง เหมาะกับโครงการที่ต้องการปรับแบบบ่อย มีการประชุมกับผู้มีส่วนร่วมหลายฝ่าย หรือมีโจทย์เฉพาะทางที่ซับซ้อน

  • คิดราคารับออกแบบภายในแบบเหมา (Lump Sum)

การคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในแบบเหมาเหมาะสำหรับโครงการที่มีขอบเขตงานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งคอนโดมิเนียมหนึ่งยูนิต หรือออกแบบร้านค้าขนาดเล็ก บริษัทรับออกแบบจะประเมินราคารับออกแบบภายในทั้งหมดจากเนื้องาน โดยไม่อิงกับขนาดพื้นที่หรือระยะเวลา เช่น ตกแต่งคอนโดมิเนียม 1 ห้องนอนในราคา 180,000 บาท แบบรวมทุกบริการ ทั้งงานออกแบบ mood board ภาพ 3D งานแบบก่อสร้าง และการประสานงานกับผู้รับเหมา ซึ่งข้อดีของการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในแบบเหมารวม คือความโปร่งใสและชัดเจนของงบประมาณ เหมาะกับลูกค้าที่ไม่ต้องการความยุ่งยากเรื่องการคำนวณหรือเปลี่ยนแปลงราคาในภายหลัง แต่ข้อเสีย คือหากมีการเปลี่ยนแปลงแบบหรือขยายขอบเขตงาน ราคาจะต้องเจรจากันใหม่ อาจทำให้เสียเวลาและงบบานปลายได้หากไม่มีข้อตกลงชัดเจนตั้งแต่ต้น

interior design team

วิธีการคิดราคางานออกแบบตกแต่งภายใน

การคิดราคาค่าบริการออกแบบตกแต่งภายในมีหลายโมเดล ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อควรพิจารณาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงการ งบประมาณ และความต้องการของลูกค้า

  • คิดตามพื้นที่ออกแบบ (บาท/ตร.ม.)

วิธีคิดราคางานออกแบบตกแต่งภายในที่นิยมที่สุด โดยเฉพาะในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้าน คอนโดมิเนียม หรือร้านค้าขนาดเล็กถึงกลาง โดยอัตราค่าบริการมักอยู่ในช่วง 900 ถึง 2,000 บาทต่อตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน) ทำให้ลูกค้าสามารถคำนวณงบประมาณเบื้องต้นได้ทันที เช่น คอนโดขนาด 80 ตร.ม. × 1,200 บาท/ตร.ม. = 96,000 บาท

ข้อดีของวิธีคิดราคาตามพื้นที่ออกแบบ คือความโปร่งใสและง่ายต่อการคำนวณ งบประมาณสามารถประเมินได้ตั้งแต่แรก ทำให้เจ้าของโครงการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับงานที่มีพื้นที่เล็กแต่มีความซับซ้อนสูง หรือโครงการที่มีพื้นที่กว้างมากจนทำให้ค่าบริการรวมสูงเกินความจำเป็น

  • คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้าง

รูปแบบการคิดค่าบริการเป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่างานก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งจะอยู่ในช่วง 5 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณก่อสร้าง เช่น หากงบรวมอยู่ที่ 15 ล้านบาท อาจคิดค่าบริการที่ประมาณ 1,050,000 บาท โดยคำนวณตามขั้นบันไดตามแนวทางของสมาคมสถาปนิกสยาม (ASA) วิธีคิดราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้างนี้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับโครงการที่มีงบประมาณชัดเจนและต้องการรวมทั้งงานออกแบบและควบคุมการก่อสร้างเข้าด้วยกัน

จุดเด่น คืออัตราค่าบริการจะลดลงเมื่อมูลค่างานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ช่วยให้เจ้าของโครงการได้รับบริการที่เหมาะสมตามสเกลของงาน แต่ข้อจำกัด คือเจ้าของงานอาจยากที่จะประเมินงบประมาณได้ตั้งแต่แรก หากยังไม่ทราบมูลค่างานก่อสร้างที่แน่นอน และวิธีนี้ยังต้องการความเข้าใจระบบการคิดราคาของสมาคมสถาปนิกสยามซึ่งค่อนข้างซับซ้อน

  • คิดตามเวลาทำงาน (Time Charge Rate)

สำหรับงานที่มีความซับซ้อนสูงหรือมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย การคิดค่าบริการตามเวลาทำงานจริง (Time Charge Rate) ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยปกติจะคิดเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน เช่น ชั่วโมงละ 2,000 บาท หรือวันละ 15,000 บาท เหมาะกับโครงการออกแบบตกแต่งภายในที่ขอบเขตเปลี่ยนแปลงบ่อย หรือยังไม่สามารถสรุปขอบเขตงานได้แน่ชัด อย่างงานปรับปรุงภายในที่มีข้อจำกัดจากโครงสร้างเดิม

วิธีนี้คิดราคาตามเวลาทำงานจริง (Time Charge Rate) มีข้อดีตรงที่ยุติธรรมและตรงไปตรงมา เจ้าของงานจ่ายตามเวลาที่นักออกแบบใช้จริง นิยมใช้ในงานรีโนเวต งานปรับปรุง หรือการให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน แต่ข้อจำกัดสำคัญ คือการคาดการณ์งบประมาณรวมทั้งหมดทำได้ยาก หากงานล่าช้าหรือซับซ้อนเกินคาดก็อาจทำให้งบประมาณบานปลายได้

  • คิดราคาเหมารวม (Lump Sum)

วิธีสุดท้ายที่นิยมใช้กับงานออกแบบตกแต่งภายในที่มีขอบเขตชัดเจน อย่างงานออกแบบตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมหนึ่งยูนิต ร้านค้าเล็ก หรือพื้นที่สำนักงานขนาดเล็ก คือการคิดราคาเหมารวม (Lump Sum) ที่รวมทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการควบคุมงาน กรณีนี้เจ้าของโครงการจะได้รับงบประมาณที่แน่นอนตั้งแต่แรก ช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแอบแฝง แต่ข้อควรระวังคือหากมีการเปลี่ยนแปลงแบบหรือเพิ่มขอบเขตงานหลังจากเริ่มต้น อาจต้องมีการเจรจาราคาใหม่ และบางครั้งราคาที่เสนออาจไม่ครอบคลุมบริการทั้งหมด จึงต้องตรวจสอบรายละเอียดสัญญาอย่างรอบคอบ

ตารางเปรียบเทียบวิธีคิดราคา

วิธีคิดราคาเหมาะกับโครงการช่วงราคาโดยทั่วไปข้อดีข้อควรระวัง
คิดตามพื้นที่ออกแบบต่อตารางเมตร (บาท/ตร.ม.)บ้าน คอนโดมิเนียม ร้านค้า900 ถึง 2,000 บาท/ตร.ม.โปร่งใส คำนวณง่ายราคาอาจสูงหากมีพื้นที่มาก
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้างโครงการใหญ่5 ถึง 15%ยืดหยุ่น สอดคล้องงานต้องเข้าใจระบบคิดแบบ ASA
คิดตามเวลาทำงาน (รายชม./รายวัน)รีโนเวต งานที่ซับซ้อน2,000 บ./ชม. ถึง 15,000 บ./วันยุติธรรม ตรงเวลายากต่อการประเมินงบรวม
คิดราคาเหมารวม (Lump Sum)งานเล็ก ขอบเขตชัด100,000 ถึง 300,000 บาทงบชัดเจน ไม่ซับซ้อนเปลี่ยนงานต้องเจรจาใหม่
interior designer

ค่าใช้จ่ายแฝงที่ควรรู้

เมื่อเจ้าของโครงการตัดสินใจจ้างบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน นอกจากค่าบริการหลักที่แสดงในใบเสนอราคาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม ซึ่งเรียกว่าค่าใช้จ่ายแฝง ที่หลายครั้งมักถูกมองข้ามหรือไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าอย่างชัดเจน แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรเข้าใจตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันงบประมาณบานปลายหรือข้อขัดแย้งในภายหลัง

  • ค่าแก้ไขแบบ หากเกินจำนวนครั้งที่ตกลงไว้

โดยปกติในสัญญาจะระบุจำนวนครั้งที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายในยินดีแก้ไขแบบให้ฟรี เช่น แก้ไขได้ 2 ถึง 3 ครั้งตามขอบเขตที่ตกลงกัน หากต้องการแก้ไขเพิ่มเติมเกินจำนวนนี้ อาจมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะทีมออกแบบต้องใช้เวลาทำงานซ้ำและปรับรายละเอียดเพิ่มขึ้น การรู้ข้อมูลตรงนี้ช่วยให้ลูกค้าเตรียมงบประมาณและวางแผนการตัดสินใจได้ดีขึ้น

  • ค่าเดินทาง/ค่าที่พัก หากไซต์อยู่นอกพื้นที่

หากโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายในต้องเดินทางไกล โดยเฉพาะงานในต่างจังหวัดหรือต่างจังหวัดที่ต้องพักค้างคืน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก และค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับทีมงานจะถูกคิดเพิ่มตามจริง หรือในบางกรณีอาจมีการกำหนดเหมาไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้นควรสอบถามและตรวจสอบรายละเอียดตรงนี้ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

  • ค่าบริหารงานโครงการ (Project Management Fee)

บางบริษัทออกแบบตกแต่งภายในจะคิดค่าบริหารงานโครงการแยกต่างหากจากค่าบริการออกแบบ ซึ่งรวมถึงการควบคุมงานก่อสร้าง ตรวจสอบคุณภาพ และประสานงานระหว่างทีมงานต่าง ๆ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของงบประมาณก่อสร้างหรือเป็นค่าบริการแบบเหมา ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ระบุค่าใช้จ่ายนี้ชัดเจนตั้งแต่ต้นช่วยให้การบริหารงานราบรื่นและไม่เกิดความเข้าใจผิด

  • การแบ่งงวดชำระเงิน

รูปแบบการชำระเงินในงานออกแบบตกแต่งภายในมักถูกแบ่งเป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้าของงาน เช่น 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเซ็นสัญญา 30 เปอร์เซ็นต์ หลังส่งแบบร่าง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่องานเริ่มก่อสร้าง 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่องานใกล้เสร็จ และ 5 เปอร์เซ็นต์ สุดท้าย เมื่อส่งมอบงานครบถ้วน การแบ่งงวดชำระเงินอย่างเหมาะสมช่วยสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้ทั้งสองฝ่าย แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่างวดเงินและเงื่อนไขตรงกับความเป็นจริงของงานและไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง

signed contract

Checklist ก่อนเซ็นสัญญา

เพื่อป้องกันปัญหาหรือความเข้าใจผิดในระหว่างการทำงาน การตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาจ้างออกแบบตกแต่งภายในก่อนเซ็นเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยควรให้ความสนใจในประเด็นหลัก ดังนี้

  • มี BOQ ที่แจกแจงรายการวัสดุและราคาอย่างครบถ้วนหรือไม่?

BOQ คือเอกสารที่ระบุรายการวัสดุ อุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายแต่ละรายการอย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้เจ้าของโครงการเห็นภาพรวมของงบประมาณและสามารถเปรียบเทียบราคาหรือปรับลดงบได้ตามความเหมาะสม ตรวจสอบว่า BOQ ครอบคลุมทุกส่วนงาน ไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายแฝงจากวัสดุที่ไม่ได้ระบุ

  • การแก้ไขแบบรวมไว้กี่รอบ? มีค่าใช้จ่ายหากเกินหรือไม่?

ควรตรวจสอบเงื่อนไขเรื่องการแก้ไขแบบให้ชัดเจน เช่น กำหนดจำนวนครั้งที่สามารถแก้ไขได้ฟรี และค่าบริการหากแก้ไขเกินจำนวนครั้งที่กำหนด เพื่อให้การสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงานเป็นไปอย่างราบรื่นและโปร่งใส

  • เงื่อนไขการแบ่งชำระเงินระบุไว้อย่างชัดเจนหรือไม่?

ตรวจสอบว่างวดเงิน การชำระเงินและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ถูกกำหนดไว้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันความสับสนหรือปัญหาการชำระเงินในระหว่างการดำเนินงาน

  • มีค่าใช้จ่ายอื่นแฝง เช่น ค่าเดินทางหรือค่าบริหารโครงการหรือไม่?

ควรถามและตรวจสอบให้แน่ชัดว่าในสัญญามีการระบุค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า

  • บริษัทให้การรับประกันคุณภาพการก่อสร้างและความโปร่งใสหรือไม่?

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายในต้องมีนโยบายรับประกันงาน ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันงานติดตั้งหรือวัสดุ รวมถึงมาตรฐานการควบคุมงานอย่างโปร่งใส เพื่อให้เจ้าของโครงการมั่นใจในคุณภาพงานและการบริหารจัดการโครงการอย่างมืออาชีพ

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการคิดราคารับออกแบบตกแต่งภายในงานหนึ่ง ซึ่งการเข้าใจการคิดค่ารับออกแบบตกแต่งภายในอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้เจ้าของโครงการหรือลูกค้าสามารถวางแผนงบประมาณได้รัดกุม และลดปัญหาความไม่เข้าใจที่อาจเกิดขึ้นระหว่างลูกค้าและบริษัทออกแบบได้ สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการเลือกบริษัทรับออกแบบภายในที่โปร่งใส มีความเข้าใจในรูปแบบการคิดราคาที่เหมาะสม และสามารถให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ได้ จะช่วยให้โครงการของคุณสำเร็จอย่างราบรื่น ทั้งด้านงบประมาณ ฟังก์ชัน และความสวยงาม ใครที่ยังไม่รู้จะปรึกษาใคร ทาง RISE DESIGN STUDIO เรายินดีให้บริการทุกท่านนะครับ

สรุป

การจะวางแผนออกแบบตกแต่งภายในให้ตอบโจทย์ทั้งด้านงบประมาณและความต้องการใช้งานนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่การเลือกสไตล์หรือวัสดุเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจหลักการคิดค่าบริการของบริษัทออกแบบอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นค่าออกแบบ ค่าประเมินพื้นที่ ค่าควบคุมงาน ไปจนถึงค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยแต่ละโครงการอาจเหมาะกับวิธีคิดราคาที่ต่างกัน เช่น คิดตามตารางเมตร คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างาน คิดตามชั่วโมง หรือเหมาเป็นงาน ซึ่งการเข้าใจระบบเหล่านี้ จะช่วยให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างแม่นยำ

หากคุณกำลังมองหาทีมออกแบบตกแต่งภายในที่เข้าใจทั้งดีไซน์และระบบการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ทาง RISE DESIGN STUDIO ยินดีให้คำปรึกษาและวางแผนให้คุณในทุกขั้นตอน เพื่อให้งานออกแบบของคุณออกมาสวย ใช้งานได้จริง และอยู่ในงบที่คุณสบายใจครับ

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับงานออกแบบตกแต่งภายใน

ทำไมบริษัทออกแบบตกแต่งภายในแต่ละแห่งคิดราคาต่างกันมาก?

แม้จะเป็นบริการประเภทเดียวกัน แต่ค่าบริการออกแบบตกแต่งภายในอาจแตกต่างกันจากหลายปัจจัย เช่น ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทีมผู้ออกแบบ มาตรฐานของการจัดทำแบบ วัสดุที่ใช้ ไปจนถึงขอบเขตของบริการที่รวมอยู่ในแพ็กเกจ บางบริษัทอาจรวมแบบ 3D Perspective ค่า BOQ และงานเขียนแบบก่อสร้างอย่างครบถ้วน ขณะที่บางแห่งอาจคิดแยกรายการเหล่านี้ออกมา การสื่อสาร การบริการหลังการออกแบบ และความสามารถในการประสานงานกับหน้างานจริง ก็เป็นอีกตัวแปรที่สะท้อนถึงระดับราคาที่แตกต่างกัน ลูกค้าควรพิจารณาทั้งเนื้อหาในใบเสนอราคาและความสามารถของทีมโดยรวม ไม่ใช่เพียงดูจากราคาที่ต่ำกว่าเพียงอย่างเดียว

จ้างบริษัทออกแบบภายในอย่างเดียว โดยแยกจ้างผู้รับเหมาเองได้ไหม?

สามารถทำได้ แต่มีข้อควรระวังที่สำคัญ หากจ้างแยก บริษัทออกแบบภายในจะส่งมอบแค่แบบก่อสร้าง ส่วนการควบคุมคุณภาพหน้างาน ความถูกต้องตามแบบ และการเลือกวัสดุจริง จะต้องอาศัยความเข้าใจและความรับผิดชอบของผู้รับเหมาเต็มที่ หากไม่มีประสบการณ์ในการประสานงานก่อสร้างมาก่อน การไม่มีผู้ควบคุมโครงการจากฝั่งนักออกแบบ อาจทำให้คุณภาพงานลดลง หรือเกิดความคลาดเคลื่อนจากแบบเดิมได้ง่าย โดยเฉพาะในงานที่ซับซ้อน เช่น งาน Built-in งาน Furniture งานระบบแสง หรืองานฝ้าเพดานที่ต้องประสานหลายฝ่าย

ควรเลือกการคิดราคางานออกแบบตกแต่งภายในวิธีไหน?

ขึ้นกับประเภทและขนาดของโครงการ หากเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมทั่วไป มักใช้วิธีคิดราคาออกแบบตามพื้นที่จริงต่อตารางเมตร หากเป็นงานใหญ่หรือมีการออกแบบเฉพาะทาง อาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่างานก่อสร้าง หรือคิดตามเวลาทำงานจริง

ระยะเวลาในการออกแบบนานเท่าไร?

ระยะเวลาในการออกแบบตกแต่งภายในจะแตกต่างกันไปตามขนาดพื้นที่และความซับซ้อนของโปรเจกต์ โดยทั่วไป โครงการที่มีพื้นที่ไม่เกิน 50 ตารางเมตร เช่น คอนโดมิเนียมหรือร้านค้าขนาดเล็ก จะใช้เวลาออกแบบประมาณ 2 ถึง 4 สัปดาห์ แต่หากเป็นบ้านเดี่ยว ออฟฟิศ หรือร้านอาหารที่มีหลายโซน อาจต้องใช้เวลาออกแบบตั้งแต่ 1 ถึง 2 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการให้ Feedback จากลูกค้าในแต่ละรอบของแบบ และความพร้อมของข้อมูลที่ใช้ประกอบการออกแบบ เช่น Mood & Tone รูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการ หรือแปลนพื้นที่หน้างาน

บริษัทออกแบบสามารถควบคุมงบประมาณให้ได้หรือไม่?

บริษัทออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพ สามารถช่วยควบคุมงบประมาณของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการจัดทำรายการประมาณการวัสดุและค่าใช้จ่าย (BOQ) ที่ละเอียด ครอบคลุมทั้งวัสดุที่ใช้ ปริมาณงาน และราคาต่อหน่วย รวมถึงมีการวางแผนการใช้วัสดุและฟังก์ชันใช้งานให้เหมาะสมกับงบประมาณจริงของลูกค้า ที่สำคัญ หากมีผู้จัดการโครงการ (Project Manager) หรือทีมควบคุมงานจากฝั่งบริษัทเข้าดูแลหน้างานอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถตรวจสอบความคืบหน้า ป้องกันการใช้งบเกิน และควบคุมคุณภาพงานให้สอดคล้องกับแบบที่วางไว้ได้ดียิ่งขึ้น

การแก้ไขแบบหลังจากจบงานจะมีค่าใช้จ่ายไหม?

การแก้ไขแบบหลังจากสิ้นสุดการส่งมอบงานออกแบบ โดยปกติจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากเกินจากจำนวนรอบที่กำหนดไว้ในสัญญา เช่น แพ็กเกจที่รวมการแก้ไขฟรี 2 ถึง 3 ครั้ง หากมีการเปลี่ยนแบบใหม่เพิ่มเติมหลังจากนั้น หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลัก เช่น เคลื่อนย้ายผังห้อง วางระบบไฟใหม่ หรือเลือกวัสดุใหม่ทั้งหมด บริษัทออกแบบตกแต่งภายในอาจต้องใช้เวลาทำงานเพิ่ม และเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมในอัตราที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ดังนั้นลูกค้าควรสอบถามให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าสัญญาครอบคลุมการแก้ไขได้กี่รอบ มีค่าใช้จ่ายกรณีใดบ้าง และสามารถขอใบเสนอราคาใหม่ได้หากต้องการเปลี่ยนแปลงขอบเขตงานในภายหลัง

ทำไมต้องมีค่าประเมินหน้างาน?

การประเมินหน้างานเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การออกแบบตกแต่งภายในมีความแม่นยำและสอดคล้องกับสภาพจริงของพื้นที่ เพราะในการสำรวจหน้างาน นักออกแบบจะสามารถตรวจสอบระบบโครงสร้างเดิม จุดติดตั้งไฟฟ้า ท่อน้ำ หรือข้อจำกัดเชิงกายภาพที่อาจไม่ปรากฏในแปลนเดิมได้ เช่น ความเอียงของพื้น ระดับฝ้าเพดาน หรือวัสดุเดิมที่ต้องรื้อถอน สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อแนวทางการออกแบบ ต้นทุนการตกแต่ง และระยะเวลาก่อสร้าง